สรุปข่าวเช้านี้ วันที่ 28 มีนาคม 2568

🗽 US

Dow Jones -155.09 จุด (-0.37%)

S&P 500 -18.89 จุด (-0.33%)

NASDAQ -94.98 จุด (-0.53%)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันพฤหัสบดี (27มี.ค.) โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ร่วงลงอย่างหนัก

EU EURO

EURO STOXX 600 -2.42 จุด (-0.44%)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี (27มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มรถยนต์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก

JP JAPAN

NIKKEI 225 -227.32 จุด (-0.60%)

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ (27มี.ค.) จากแรงขายหุ้นกลุ่มรถยนต์ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษี 25% จากการนำเข้ารถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงินได้ช่วยจำกัดการลดลงของตลาดโดยรวม

 

CN CHINA

Shanghai Composite +5.05 จุด (+0.15%)

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดขยับขึ้นในวันนี้ (27มี.ค.) โดยตลาดฟื้นตัวขึ้นจากที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขาย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีระลอกใหม่ของสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศใช้

HK Hong Kong

Hang Seng +95.48 จุด (+0.41%)

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกในวันนี้ (27มี.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและยานยนต์ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% ก็ตาม นอกจากนี้ การซื้อขายยังได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นที่จะกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ด้วย

CI INDIA

S&P BSE Sensex +317.93 จุด (+0.41%)

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ขานรับความหวังที่ว่า อินเดียจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากมาตรการเรียกเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ

หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงสวนทางตลาด หลังปธน.ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% วานนี้

VN VIETNAM

VN 30 -1.21 จุด (-0.09%)

TH THAILAND

SET -2.46 จุด (-0.21%)

SET ปิดวันนี้ที่ 1,187.90 จุด ลดลง 2.46 จุด (-0.21%) มูลค่าซื้อขาย 27,633.78 ล้านบาท

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง โดยส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยความไม่แน่นอนในเรื่องสงครามการค้าของสหรัฐ หลังจากที่สหรัฐเก็บภาษีนำเข้ารถ 25% ซึ่งมีผลกระทบต่อ sentiment ของตลาดหุ้นอยู่บ้าง ประกอบกับมีแรงกดดันจากการปิดสัญญา TFEX ที่จะหมดอายุในวันพรุ่งนี้ ทำให้เป็นปัจจัยที่กดดันดัชนีด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามยังมีแรงหนุนตลาดหุ้นไทยจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งมีแรงซื้อเข้ามาก่อนที่จะเริ่มจ่ายปันผล รวมทั้งยังเก็งกำไรงบฯไตรมาส 1/68 ทำให้สามารถพยุงดัชนีไม่ให้ปรับตัวลงลึกได้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

⛽️ น้ำมัน WTI

$ 69.92 +0.27 (+0.39%)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (27 มี.ค.) โดยราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นติดต่อกันวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าคาด และแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่จะมีต่อเศรษฐกิจทั่วโลก

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 956,000 บาร์เรล

ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 25% สำหรับสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศที่ซื้อน้ำมันและก๊าซจากเวเนซุเอลา โดยล่าสุดมีรายงานว่า รีไลแอนซ์ อินดัสทรีส์ (Reliance Industries) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติอินเดีย จะระงับการนำเข้าน้ำมันจากเวเนซุเอลา หลังจากรัฐบาลทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากร

🪙 Gold

$ 3,061.00 +38.50 (+1.27%)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1.2% ในวันพฤหัสบดี (27 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงและตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์

Source: CNBC , IQ