- 02-250-7907-9
- [email protected]
- จันทร์ - ศุกร์ / 8.30-17.00 น.
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลการใช้งาน เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดี หากคุณใช้งานเว็บไซต์ต่อ เราถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้ และนโยบายความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าคุณไม่ต้องการให้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูล กรุณาคลิก รายละเอียดเพิ่มเติม
เมื่อท่านได้เข้าสู่เว็บไซต์ของเรา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสู่เว็ปไซต์ของท่าน จะถูกเก็บเอาไว้ในรูปแบบของคุกกี้ โดยนโยบายคุกกี้นี้จะอธิบายถึงความหมาย การทำงาน วัตถุประสงค์รวมถึงการลบ และการปฏิเสธการเก็บคุกกี้ เพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านโดยการเข้าสู่เว็บไซต์นี้ ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตามนโยบายคุกกี้ ที่มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
คุกกี้ คือ ไฟล์เล็กๆเพื่อจัดเก็บข้อมูล โดยจะบันทึกลงไปในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และ/หรือ เครื่องมือสื่อสารที่เข้าใช้งานของท่าน เช่น แท็บเล็ต, สมาร์ทโฟนผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ ในขณะที่ท่านเข้าสู่เว็บไซต์ของเรา โดยคุกกี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และ/หรือ เครื่องมือสื่อสารของท่านในกรณีดังต่อไปนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บ เพื่อใช้เพิ่มประสบการณ์การใช้งานบริการของเราทางออนไลน์ โดยจะจำเอกลักษณ์ของภาษา และปรับแต่งข้อมูลการใช้งานตามความต้องการของท่าน โดยการเก็บข้อมูลนี้ เพื่อเป็นการยืนยันคุณลักษณะเฉพาะตัว ข้อมูลความปลอดภัยของท่านรวมถึงสินค้า และบริการที่ท่านสนใจนอกจากนี้ คุกกี้ยังถูกใช้เพื่อวัดปริมาณการเข้าใช้งานบริการทางออนไลน์ การปรับเปลี่ยนเนื้อหาตามการใช้งานของท่านทั้งในก่อนหน้า และปัจจุบันหรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ และความพึงพอใจของท่าน โดยจะทำให้เราเข้าใจลักษณะการใช้งานเว็บไซต์ของท่านได้เร็ว และทำให้เว็บไซต์ของเราเข้าถึงได้ง่ายสะดวกยิ่งขึ้น บางกรณีเราจำเป็นต้องให้บุคคลที่สามดำเนินการ ซึ่งอาจจะต้องใช้อินเตอร์เน็ตโปรโตคอลแอดเดรส (IP Address) และคุกกี้เพื่อวิเคราะห์ทางสถิติ ตลอดจนเชื่อมโยงข้อมูล และประมวลผลตามวัตถุประสงค์ทางการตลาด
ประเภทของคุกกี้ | รายละเอียด | ตัวอย่าง |
---|---|---|
คุกกี้ประเภทจำเป็นถาวร | คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ประสบการณ์การใช้เว็บไซต์ของท่านเป็นไปอย่างต่อเนื่องเช่น การจดจำการเข้าสู่ระบบ, การจดจำข้อมูลที่ท่านให้ไว้บนเว็บไซต์ |
|
คุกกี้ประเภทการวิเคราะห์ และวัดผลการทำงาน | คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เราสามารถวัดผลการทำงาน เช่นการประมวลจำนวนหน้าที่ท่านเข้าใช้งานจำนวนลักษณะเฉพาะของกลุ่มผู้ใช้งานนั้นๆ โดยข้อมูลดังกล่าวจะนำมาใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของผู้ใช้งาน |
|
คุกกี้เพื่อการโฆษณา | คุกกี้ประเภทนี้จะถูกบันทึกบนอุปกรณ์ของท่าน เพื่อเก็บข้อมูลการเข้าใช้งาน และลิงก์ที่ท่านได้เยี่ยมชม และติดตามนอกจากนี้คุกกี้จากบุคคลที่สาม อาจใช้ข้อมูลที่มีการส่งต่อข่าวสารในสื่อออนไลน์ และเนื้อหาที่จัดเก็บจากการให้บริการเพื่อเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งาน โดยมีวัตถุประสงค์ในการปรับแต่งเว็บไซต์แคมเปญโฆษณา ให้เหมาะสมกับความสนใจของท่าน |
|
คุกกี้ประเภทการทำงาน | คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยอำนวยความสะดวก เมื่อท่านกลับเข้ามาใช้งานเว็บไซต์อีกครั้ง โดยเราจะใช้ข้อมูลเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ตามลักษณะการใช้งานของท่าน |
|
ท่านสามารถลบ และปฏิเสธการเก็บคุกกี้ได้ โดยศึกษาตามวิธีการที่ระบุในแต่ละเว็บเบราว์เซอร์ที่ท่านใช้งานอยู่ตามลิงก์ดังนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561)
นโยบายคุกกี้นี้อาจมีการปรับปรุงแก้ไขตามโอกาส เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบ ดังนั้นเราขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบให้แน่ใจว่า ท่านได้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงตามข้อกำหนดดังกล่าว
📰 สรุปข่าวเช้านี้ วันที่ 17 เมษายน 2568📈 ตลาดการลงทุน วันที่ 16 เมษายน 2568
🗽 USDow Jones -699.57 จุด (-1.73%)S&P 500 -120.93 จุด (-2.24%)NASDAQ -516.01 จุด (-3.07%)ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 700 จุดในวันพุธ (16 เม.ย.) หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตือนว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนแอลงเนื่องจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่อินวิเดีย (Nvidia) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิปไปยังประเทศจีนดัชนีหลักทั้งสามดัชนีร่วงลงหลังจากอินวิเดียเปิดเผยว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศจำกัดการส่งออกชิป AI รุ่น H20 ไปยังจีน ทำให้บริษัทต้องบันทึกค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ในงบการเงินประจำไตรมาส ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยจีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 เม.ย.) เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 145%ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้น หลังจากพาวเวลกล่าวในงานเสวนาว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโก (Economic Club of Chicago) เมื่อวานนี้ว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงเกินคาดนั้น อาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง พร้อมระบุว่ามาตรการดังกล่าวของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อภารกิจ Dual Mandate ของเฟด โดยภารกิจดังกล่าวคือการทำให้การจ้างงานขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%อย่างไรก็ดี พาวเวลกล่าวว่า เฟดจะรอดูข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจ ก่อนที่จะตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนักถึง 3.94% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 2.69% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.80% โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันหุ้นอินวิเดียร่วงลง 6.8% หลังบริษัทเปิดเผยผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิปไปยังประเทศจีน และได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงตามกัน โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ร่วงลง 7.3% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ร่วงลง 2.4% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ร่วงลง 3.6% หุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) ร่วงลง 2% และหุ้นไมโครซอฟท์ (Microsoft) ดิ่งลง 3.6%ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 8.37% ปิดที่ 32.64สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 40 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 38 แต่ดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองทั่วไปที่เป็นลบ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ อันเนื่องจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าทางด้านสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองร่วงลง 8.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวขึ้น
EU EUROEURO STOXX 600 -0.97 จุด (-0.19%)ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพุธ (16 เม.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากกลุ่มหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ หลังเอเอสเอ็มแอล (ASML) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์การผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลกเตือนว่า ภาษีของสหรัฐฯ เพิ่มความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 และ 2569ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,329.97 จุด ลดลง 5.43 จุด หรือ -0.07%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,311.02 จุด เพิ่มขึ้น 57.32 จุด หรือ +0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,275.60 จุด เพิ่มขึ้น 26.48 จุด หรือ +0.32%หุ้นกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีร่วงลงหนักที่สุดถึง 2% โดยหุ้น ASML ร่วงลง 5.2% และเป็นหุ้นที่กดดันดัชนีมากที่สุดหุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยุโรปหลายรายร่วงตามกัน อาทิ เอเอสเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล (ASM International), บีอี เซมิคอนดักเตอร์ (BE Semiconductor), โซอิเทค (Soitec), อินฟิเนียน (Infineon) และเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (STMicroelectronics) โดยหุ้นของบริษัทเหล่านี้ปรับตัวลงในช่วง 1.3% - 3.2%สงครามการค้าที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่งได้ฉุดดัชนี STOXX 600 ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตาผลประกอบการเพื่อตรวจสอบผลกระทบเพิ่มเติมตามข้อมูลจาก LSEG แนวโน้มผลกำไรของบริษัทในยุโรปยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเรื่องภาษี โดยนักวิเคราะห์คาดว่าผลกำไรไตรมาสแรกอาจลดลง 3% ซึ่งแย่กว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.2%อย่างไรก็ดี กลุ่มหุ้นพลังงานและน้ำมันช่วยพยุงตลาดไว้บางส่วน โดยเพิ่มขึ้น 1.2% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นหุ้นไฮเนเก้น (Heineken) พุ่งขึ้น 5% หลังผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลกมียอดขายไตรมาสแรกดีกว่าคาด และยังคงเป้าหมายด้านการเงินประจำปีทั้งนี้ นักลงทุนกำลังรอผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยตลาดคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อขั้นสุดท้ายของยูโรโซนในเดือนมี.ค.บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน
JP JAPANNIKKEI 225 -347.14 จุด (-1.01%)ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลงในวันนี้ (16 เม.ย.) โดยหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลกำไร หลังจากอินวิเดีย คอร์ป (Nvidia Corp.) บริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากจากมาตรการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจำกัดการส่งออกชิปไปยังจีนหุ้นลบนำตลาดได้แก่ กลุ่มขนส่งทางทะเล กลุ่มโลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก และกลุ่มธนาคารตลาดเปิดบวกเล็กน้อยในช่วงเช้าจากแรงซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับความต้องการภายในประเทศ แต่ตลาดขาดแรงหนุนต่อเนื่อง หลังจากหุ้นกลุ่มชิปขนาดใหญ่ร่วงลงจากรายงานข่าวว่า อินวิเดียจะต้องบันทึกค่าใช้จ่าย 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่เกิดจากมาตรการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการควบคุมการส่งออกชิป AI รุ่น H20 ไปยังจีนหุ้นแอดแวนเทสต์ (Advantest) ซึ่งเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์รายใหญ่ของอินวิเดีย และเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนีนิกเกอิ ร่วงลงถึง 6.5% ขณะที่มีแรงขายหุ้นอื่น ๆ ในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ด้วย อาทิ โตเกียวอิเล็คตรอน (Tokyo Electron)การร่วงลงของตลาดรุนแรงขึ้นในช่วงบ่าย เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์ที่พึ่งพาการส่งออก โดยได้รับแรงกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจกระทบกำไรจากต่างประเทศเมื่อนำกลับมาแปลงเป็นเงินเยนนอกจากนี้ นักลงทุนยังเลือกที่จะชะลอการซื้อขายก่อนที่การเจรจาภาษีระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นในวันนี้ที่กรุงวอชิงตัน"สถานการณ์ของตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ หากรายละเอียดของการเจรจาญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ถูกเปิดเผย และหากสหรัฐฯ แสดงท่าทีที่ชัดเจนมากขึ้นว่า จะยังคงใช้นโยบายแข็งกร้าวกับจีนหรือไม่" คาซูโอะ คามิตานิ นักกลยุทธ์จากฝ่ายวิเคราะห์ของบริษัทโนมูระ ซีเคียวริตีส์ (Nomura Securities) กล่าว
CN CHINAShanghai Composite +8.34 จุด (+0.26%)ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันนี้ (16 เม.ย.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกันวันที่ 7 เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรปรับตัวขึ้น 4.2% ในไตรมาส 1 ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.1%หุ้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันนี้ได้แก่ หุ้น Cambricon Technologies พุ่งขึ้น 4.2%, หุ้น Ofilm Group ทะยานขึ้น 4.6% และหุ้น Seres Group ปรับตัวขึ้น 1.2%
HK Hong KongHang Seng -409.29 จุด (-1.91%)ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงในวันนี้ (16 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของจีนสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 5.4% ในไตรมาส 1/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากอัตราการขยายตัวในไตรมาส 4/2567 และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวราว 5.1%-5.2%ด้านยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 5.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2566 และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 4.2%-4.3% ขณะที่ยอดค้าปลีกไตรมาส 1/2568 ปรับตัวขึ้น 4.6%ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้น 7.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.8% ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมไตรมาส 1/2568 ขยายตัว 6.5%
CI INDIAS&P BSE Sensex +309 จุด (+0.40%)ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่ออินเดียตลาดได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดของอินเดีย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอินเดียกระทรวงสถิติของอินเดียเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 3.34% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 67 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.50% จากระดับ 3.61% ในเดือนก.พ.การชะลอตัวของดัชนี CPI ในเดือนมี.ค.มีสาเหตุจากการปรับตัวลงของราคาอาหารดัชนี CPI ที่ระดับ 3.34% ในเดือนมี.ค. ถือเป็นการปรับตัวอยู่ภายในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางอินเดียที่ระดับ 2-6%
VN VIETNAMVN -17.51 จุด (-1.34%)
TH THAILANDSET +10.24 (+0.91%)SET ปิดวันนี้ที่ 1,138.90 จุด เพิ่มขึ้น 10.24 จุด (+0.91%) มูลค่าซื้อขาย 41,227.26 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเด้งขึ้นกว่า 10 จุดโดยเฉพาะในภาคบ่าย ชดเชยช่วงวันหยุดสงกรานต์บ้านเราที่ตลาดต่างประเทศปรับขึ้นไปตอบรับสหรัฐเลื่อนปรับขึ้นภาษีสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี ทำให้ภาพตลาดบ้านเราสวนทางภูมิภาคที่ปรับลงจากแรงขายทำกำไร หุ้นกลุ่มลุ่มโรงไฟฟ้า-กลุ่มอิงเศรษฐกิจโลกขึ้นมาได้ดี ประกอบกับมีลุ้น กนง.หั่นดอกเบี้ยปลายเดือนนี้ แนวโน้มพรุ่งนี้มองตลาดมีโอกาสขึ้นไปต่อ พร้อมให้แนวต้าน 1,155 จุด แนวรับ 1,120 จุด
⛽️ น้ำมัน WTI$ 62.47 +1.14 (+1.86%)สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (16 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
🪙 Gold$ 3,346.40 +106 (+3.27%)สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3,300 ดอลลาร์ในวันพุธ (16 เม.ย.) และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
Source: CNBC , IQ