สรุปข่าวเช้านี้ 23 กรกฎาคม 2568

🗽 US

Dow Jones +179.37 จุด (+0.40%)

S&P 500 +4.02 จุด (+0.06%)

NASDAQ -81.49 จุด (-0.39%)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (22 ก.ค.) ส่วนดัชนี S&P500 ขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ และยังคงติดตามความความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้า

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ที่ผ่านมานั้น มุมมองบวกเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นปัจจัยหนุนหุ้นบริษัทที่มีมูลค่าสูงในตลาด และช่วยให้ดัชนี S&P500 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้ง ส่วนในขณะนี้ ตลาดอยู่ในโหมดรอดูสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำหนดเส้นตายการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราใหม่ของสหรัฐฯ ในวันที่ 1 ส.ค. และรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือกลุ่ม Magnificent Seven ในสัปดาห์นี้

นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับฟิลิปปินส์แล้ว โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากฟิลิปปินส์ในอัตรา 19% หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ขู่เรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% ขณะที่ฟิลิปปินส์จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 0% และจะเปิดตลาดเสรีให้กับสินค้าจากสหรัฐฯ

เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมว่าด้วยการทบทวนแบบบูรณาการเกี่ยวกับกรอบเงินกองทุนสำหรับธนาคารขนาดใหญ่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย โดยพาวเวลกล่าวว่า ธนาคารขนาดใหญ่จำเป็นที่จะต้องมีเงินกองทุนอย่างเพียงพอและมีความสามารถในการบริหารความเสี่ยง และยังกล่าวด้วยว่าธนาคารขนาดใหญ่จำเป็นที่จะต้องแข่งขันกันอย่างเสรี

อย่างไรก็ดี พาวเวลไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินของเฟด เนื่องจากเฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน หรือช่วง Blackout Period ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 29-30 ก.ค.

EURO

EURO STOXX 600 -2.24จุด (-0.41%)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (22 ก.ค.) โดยตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวลงแรงที่สุดในรอบ 2 เดือน หลังรายงานผลประกอบการของบริษัทหลายแห่งออกมาต่ำกว่าคาด และความหวังต่อการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-สหภาพยุโรป (EU) เริ่มลดลง ซึ่งกดดันบรรยากาศการลงทุน

JAPAN

NIKKEI 225 -44.19 จุด (-0.11%)

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดแทบไม่ขยับในวันนี้ (22 ก.ค.) ท่ามกลางความกังวลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ หลังพรรคฝ่ายรัฐบาลพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งใหญ่ ประกอบกับความไม่แน่นอนในการเจรจาเรื่องภาษีกับสหรัฐฯ

SOUTH KOREA

KOSPI -40.87 จุด (-1.27%)

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดลบกว่า 1% ในวันนี้ (22 ก.ค.) จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่กำลังจะประกาศในเร็ว ๆ นี้

CHINA

Shanghai Composite +22.07 จุด (+0.62%)

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันนี้ (22 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มก่อสร้างและกลุ่มพลังงานไฟฟ้า หลังจากรัฐบาลจีนประกาศโครงการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกในทิเบต

Hong Kong

Hang Seng +135.89 จุด (+0.54%)

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกในวันนี้ (22 ก.ค.) ขานรับข่าวรัฐบาลจีนประกาศโครงการก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกในทิเบต โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 3 แสนล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี และมีการประเมินมูลค่าของโครงการไว้ที่ 1.70 แสนล้านดอลลาร์

INDIA

S&P BSE Sensex -13.53 จุด (-0.02%)

VIETNAM

VN +27.92 จุด (+1.71%)

สำนักข่าวเวียดนามรายงานว่า พายุโซนร้อนวิภาได้พัดขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของเวียดนามเมื่อช่วงเช้านี้ (22 ก.ค.) ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ และสิ่งปลูกสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย

THAILAND

Set -16.38 จุด (-1.36%)

SET ปิดวันนี้ที่ 1,191.75 จุด ลดลง 16.38 จุด (-1.36%) มูลค่าซื้อขาย 49,095.62 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงจากปัจจัยพื้นฐานยังไม่แข็งแรง หลังขึ้นมาได้เพราะ liquidity และ Fund Flow เมื่อตลาดได้รับรู้ข่าวการเจรจาการค้าและผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ไปแล้ว รวมทั้งผลประกอบการกลุ่มแบงก์ออกมากลาง ๆ ทำให้วันนี้เผชิญแรงขายออกมามาก แนวโน้มพรุ่งนี้ลุ้นโอกาสฟื้นในกรอบแคบ แนะติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐ และงบไตรมาส 2/68 ให้แนวต้าน 1,201 จุด แนวรับ 1,181 จุด

⛽️ น้ำมัน WTI

66.21 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.99 ดอลลาร์ (-1.47%)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (22 ก.ค.) ท่ามกลางความหวังที่ลดน้อยลงเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมัน

🪙 Gold

3,443.70ดอลลาร์/ออนซ์ +37.30 ดอลลาร์ (+1.10%)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (22 ก.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านการค้าเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค.

นักวิเคราะห์จากบริษัท Kitco Metals กล่าวว่า ความไม่แน่นอนด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้า เป็นปัจจัยหนุนความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย โดยแม้ว่าสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับหลายประเทศ แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU)

การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

💵สกุลเงินดอลล่าร์

ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก สอดคล้องกับการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

Source: CNBC , IQ